Wat Saket Ratchaworamahawihan
TEMPLE OF THE GOLDEN MOUNT BANGKOK
ในสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก(รัชกาลที่๑) ตั้งอยู่โดยรอบกำแพงเตี้ยและยืนอยู่ในแนวเดียวทิศเป็นวิหารพระอัฏฐารสพระอุโบสถล้อมรอบด้วยกุฏิระหว่างกำแพงเตี้ยโดยรอบและกุฏิมีเจดีย์รายรอบบริเวณศาลาการเปรียญเดิมหันหน้าไปทางทิศตะวันออกมีลำคลองล้อมรอบเมืองมีซุ้มประตูทั้งสี่ด้านของกุฏิแต่ละหลังสร้างด้วยระเบียงที่สวยงามหน้าจั่วของซุ้มประตูตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคหลังคาประกอบด้วยจั่วปลายจั่วสันปลายจั่วคล้ายฟันและปลายจั่วประดับเป็นรูปหางหงส์ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบ กุฏิทั้ง 4
หลักศิลาที่วัดสระเกศควรปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ เป็นพระประธานปางสมาธิ หล่อด้วยปูนปิดทอง ปางมารวิชัยที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งในกรุงเทพฯกล่าวกันว่าสร้างด้วยปูนหล่อครอบองค์พระประธานองค์เก่าซึ่งแต่เดิมมีขนาดเล็กพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์และขยายพระอุโบสถให้ใหญ่ขึ้นและเพิ่มเติมภาพเขียนฝาผนังต่อมาในระหว่างการ บูรณะครั้งยิ่งใหญ่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ได้มีการทาสีจิตรกรรมฝาผนังใหม่ ครึ่งบนของผนังทั้ง 2ข้างเขียนเป็นภาพชุมนุมสวรรค์ส่วนครึ่งล่างของผนังทั้ง2ข้างแสดงนิทานชาดก 10 เรื่อง
บางองค์หล่อด้วยหินปูนทำให้มีขนาดเท่ากันทุกองค์ สันนิษฐานว่าในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่3)มีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ปัจจุบันพระสังฆราชญาณโณทะยานมหาเถระหรือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ในขณะนั้นได้ปฏิสังขรณ์กุฏิเมื่อปีพ.ศ.2501พระอุโบสถตั้งอยู่กลางลานกุฏิล้อมด้วยศิลา8ทิศเพื่อกำหนดเขตแดนสงฆ์หินเหล่านี้บรรจุอยู่ภายในศาลารูปทรงฮูดาห์ที่ประดับด้วยกระเบื้องหินมาร์คเกอร์คู่หนึ่งในแต่ละศาลาแกะสลักปิดทองและประดับด้วยโมเสกหลักเขตที่ประกอบด้วยหลักศิลา8คู่นี้มีชื่อเสียงเป็นที่ยกย่องของสมเด็จมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณอโรรส(รู้จักกันในนามสมเด็จเจ้าฟ้าวชิรญาณวโรรส)
